ทัวร์อินเดียใต้ ออรังคบัด รัฐกรณาฏกะ อารยธรรมมนต์เสน่ห์อินเดียใต้ 13 วัน
ทัวร์
เอเชีย
ระยะเวลา
13 วัน
สายการบิน
วันเดินทาง
6-18 กุมภาพันธ์ 2562
Hilight

โกลบอล ฮอลิเดย์ นำเสนอโปรแกรมมุมไบ-อชันต้า-แอลโรล่า และ อินเดียใต้ รัฐกรณาฏกะ
กรณาฏกะ (Karnataka)  : รัฐที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของอินเดียตั้งอยู่ตอนกลางของเทือกเขาฆาตตะวันตก เดิมใช้ชื่อว่าไมซอร์ (Mysore) เป็นรัฐที่ประกอบด้วยผู้คนหลากเผ่าพันธุ์  ด้วยความที่รัฐมีขนาดใหญ่การเผยแผ่ศาสนาและวัฒนธรรมจึงแตกต่างกันออก มีทั้งพุทธ ฮินดู มุสลิม และชุมชนคริตส์ทางชายฝั่งตะวันตก กรรณาฏกะอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นศูนย์การทางการค้า จึงมีผู้ครอบครองมาแต่โบราณมาหลายยุคหลายสมัย อาณาจักรวิชัยนครที่เริ่มต้นที่นี่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1336 – 1565 ได้สร้างมรดกงานสถาปัตยกรรมและอนุเสาวรีย์จำนวนมากกระจายทั่วภาคใต้อินเดีย ที่รู้จักกันดีและได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกคือ นครฮัมปิ Hampi 

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    วันที่หนึ่งของการเดินทาง กรุงเทพฯ – มุมไบ
    • 17.30 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ  อาคารผู้โดยสารขาออก  ประตูที่ 10 เคาร์เตอร์ W  เจ้าหน้าที่บริษัทฯ ให้การต้อนรับ
      20.30 น.   เหิรฟ้าสู่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย โดยสายการบิน แอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ AI 331 
                        (ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง)
      23.05 น. ถึงสนามบิน ฉัตราปตี ศิวะจิ เมืองมุมไบหรือบอมเบย์  หลังผ่านเดินพิธีการ นำท่านเดินทางสู่ตัวเมืองมุมไบ  
               จากนั้นนำท่านเข้าพักที่โรงแรม TAJ SANTA CRUZ -5* หรือเทียบเท่า

  • Day 2
    วันที่สองของการเดินทาง มุมไบ – ออรังคบัต ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / เย็น )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      มุมไบเป็นเมืองของเศรษฐกิจคนดัง มีฐานะเป็น ฮอลีวู้ด (บอลลีวู้ด) ของอินเดียมานาน ยังเป็นศูนย์รวมของศรัทธาความเชื่อและวัฒนธรรหลากหลาย มุมไบมีทะเลอาระเบียนโอบล้อมอยู่สามด้านเป็นศูนย์กลางด้านการค้าพาณิชย์ของอินเดีย จึงดึงดูดให้คนมากมายมาที่เมืองแห่งนี้   จากนั้นนำท่านชม ประตูสู่อินเดีย GATEWAY OF INDIA ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำในย่านอพอลโลบันเดอร์ ประตูชัยนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในโอกาสที่พระเจ้าจอร์จที่ 5 และพระราชินีแมรี่เสด็จมาร่วมงานเดลีดารบัรในปี 1911 วัสดุที่ใช้สร้างเป็นหินทรายสีน้ำผึ้ง  ยามเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและตก แสงอาทิตย์จะทาบทาลงมา  ทำให้ประตูเปลี่ยนสีจากทองเป็นส้ม  จากส้มเป็นชมพูสวยงามมาก
      11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
      12.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบิน  
      15.00 น.    เหินฟ้าสู่ เมืองออรังคบัต โดยสายการบิน แอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ AI 442
      15.50 น.    ถึงเมือง ออรังคบัต (Aurangabad) อยู่ห่างจากมุมไบ 370 กิโลเมตร อบอวลไปด้วยอิทธิพลของมุสลิม เบกัม  (สุสาน) ของจักรพรรดิออรังเซบ  นำท่านเดินทางกลับสู่ออรังคบัต  นำท่านเข้าเช็คอินท์ที่โรงแรม
      ค่ำ              รับประทานอาหารค่ำ  พักที่โรงแรม RAMADA INTERNATIONAL HOTEL -  5* หรือเทียบเท่า

  • Day 3
    วันที่สามของการเดินทาง ถ้ำอชันต้า – ป่อมเดาลาตาบัด ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / เย็น )
    • เช้า            รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
                      จากนั้นนำท่านเดินทางสู่  ถ้ำอชันต้า (Ajanta Cave) ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตรใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง  มีวัดถ้ำในพุทธศาสนาอยู่มากถึง 30 คูหา  หมู่ถ้ำอชันต้ามีทั้งรูปประติมากรรมและงานจิตรกรรมอันวิจิตรงดงาม  คงสภาพสมบูรณ์ ถ้ำถูกปิดซ่อนเอาไว้ จึงรอดพ้นจากการทำลายล้างจากกองทัพผู้รุกรานมาได้ ถ้ำอชันต้ามั่งคั่งด้วย งานพุทธศิลป์ อันงามวิจิตร ความวิริยะอุสาหะของช่างฝีมือและศิลปินแต่ครั้งโบราณ  ที่พยายามสกัดหน้าผาให้เรียบ แล้วค่อยๆ เจาะหินเข้าไปเป็นคูหา ด้านในจะเห็นองค์เจดีย์ องค์พระปฏิมาและพระโพธิสัตว์  ที่จำหลักจากเนื้อหินเดียวกันละเอียดงามพลิ้ว มีการลงลาย เขียนสี กลายเป็นสุดยอดภาพจิตรกรรม  ที่สีสันคงทนมานานนับพันปี  จากนำท่านสู่จุดชมวิว  ซึ่งท่านสามารถเห็นถ้ำอชันต้าได้อย่างชัดเจน
      เที่ยง          รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย            นำท่านเดินทางกลับสู่ ออรังคบัต   ชม ป้อมเดาลาตาบัด (Daulatabad) อยู่ห่างจากออรังคบาด 15 กิโลเมตร  ตั้งอยู่บนยอดเขา มีขนาดใหญ่โต เป็นป้อมเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกษัตริย์มุสลิม  
      ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นนำท่านเข้าพักที่ RAMADA INTERNATIONAL HOTEL -  5* หรือเทียบเท่า
  • Day 4
    วันที่สี่ของการเดินทาง ถ้ำแอลโรล่า – บีบี กา มักบารา– มุมไบ ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / เย็น )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้า
      จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ แอลโรล่า (Ellora) อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของออรังคบัต 
      ระยะทางประมาณ  30 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง)  ประกอบไปด้วยถ้ำทั้งหมด 34 คูหา  เป็นวัดถ้ำศาสนาพุทธ (ถ้ำหมายเลข 1-12) เทวาลัยถ้ำในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู (ถ้ำหมายเลข 14-16) และวิหารถ้ำในศาสนาเชน ( ถ้าหมายเลข 30 และ 32)  ถ้ำเหล่านี้ขุดเจาะเข้าไปในภูผาเมื่อราว10 ศตวรรษก่อน ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในการสร้างเทียบได้กับการแกะสลักมหาวิหารทั้งหลังจากศิลาก่อนมหึมาทั้งก้อน  หมู่ถ้าแอลโรล่า แห่งนี้ล้วนสลักเสลาขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ทั้งสิ้น   
      เที่ยง รับปรทานอาหารกลางวัน 
      บ่าย         เดินทางกลับออรังคบัต 
             ชม บีบี กา มักบารา (Bi Bi Ka Maqbara) สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก สร้างโดยพระโอรสของออรังเซบ ทรง  สร้างเพื่อรำลึกถึงพระมารดา (พระนาง บีกัมราเบีย อุเด ดาราณี) สถาปัตยกรรมลักษณะคล้ายทัชมาฮาล
      17.15 น.        เหินฟ้าสู่ เมืองมุมไบ โดยสายการบิน แอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ AI 441
      18.10 น.        ถึงเมืองมุมไบ  นำท่านรับประทานอาหารค่ำ 
        จากนั้นนำท่านเข้าพักที่โรงแรม TAJ SANTA CRUZ -5* หรือเทียบเท่า
  • Day 5
    วันที่ห้าของการเดินทาง มุมไบ – บังกะลอร์ (Bangalore) – ไมซอร์ ( Mysore) ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / เย็น )

    • 05.30 น. รับประทานอาหารเช้า (แบบกล่อง จากทางโรงแรม)
      06.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบิน
      09.15 น. เหินฟ้าสู่ เมืองบังกะลอร์ โดยสายการบิน แอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ AI 639
      10.50 น. ถีงเมืองบังกะลอร์ 
      กลางวัน จากนั้นนำท่านรับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย นำท่านชม วิหารแห่งพระศิวะ ( Shivaham Shiva Temple ) เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตของผู้มาสักการะ โดยชาวฮินดูมีความเชื่อว่า เพียงสัมผัสเทวรูปของพระองค์ท่านจะทำให้ปัญหาต่างๆที่แบกรับอยู่จะคลี่คลายมลายหายสิ้นไป พร้อมสักการะองค์พระพิฆเนศซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในวัดแห่งนี้วิหารแห่งนี้  โดยการก่อสร้างเริ่มขึ้นเมื่อปีคริสต์ศักราช 1994 จนแล้วเสร็จในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1995 และตรงกับวันมหาศิวราตรี ซึ่งเป็นวันที่พระศิวะปรากฏกาย และเป็นวันแต่งงานของพระศิวะ  การก่อสร้างที่เกิดนิมิตจากองค์พระศิวะ ให้สร้างพระเทวรูปขึ้นเพื่อนำมาซึ่งความเชื่อ ความศรัทธา และความหวังต่อคนรุ่นหลัง แต่เนื่องจากในช่วงเวลานั้นเขาขัดสนทั้งเรื่องเงิน สถานที่ตั้ง และแผนการ ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์แห่งองค์พระศิวะทรงโปรดประทานพรให้กับ RVM จนสามารถบรรลุพระประสงค์ขององค์พระศิวะสำเร็จ 
      นำท่านเดินทางสู่เมือง ไมซอร์ ระยะทางประมาณ 144 กิโลเมตร ประมาณ 3 ชั่วโมง เมืองไมซอร์
                     (Mysore) ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 700 เมตรบนที่ราบสูงเดคข่าน อดีตเคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นไมซอร์ (เมืองมหิงสาสูรที่ถูกพระแม่ฑุรคาสังหารในตำนาน) พ.ศ.2108 พวกโวเดยาร์ ราชา Wodeyar rajas ประกาศเอกราช           
      จากอาณาจักรวิชัยนคร รวมถึง ศรีรังคปัฏนัม Srirangapatnam  เป็นอาณาจักรไมซอร์กรรณาฎกะ จนถึงปี ค.ศ.1956 
      ค่ำ            รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นนำท่านเข้าพักที่โรงแรม FORTUNE  PARK JP PALACE HOTEL 5* หรือเทียบเท่า

  • Day 6
    วันที่หกของการเดินทาง ไมซอร์ ( Mysore) – ฮัสสัน ( Hassan) ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / เย็น )
    • เช้า              รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
                      จากนั้นนำท่านชม พระราชวังแห่งไมซอร์ (Mysore Palace)  สถาปัตยกรรมของพระราชวังส่วนใหญ่เป็นแบบผสมผสานระหว่างแบบอินโด - ซาราซีนนิก (Saracenic)  ซึ่งมีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมยุโรปเพราะสถาปนิกเป็นช่างชาวอังกฤษ และผสมเข้าด้วยกันกับสถาปัตยกรรมแบบฮินดู – มุสลิม – ราชปุต และรูปแบบของสถาปัตยกรรมโกธิค โครงสร้างเป็นหิน มีสามชั้น หลังคาโดมทำจากหินอ่อน  วังจะล้อมรอบด้วยสวนขนาดใหญ่ อาคารสามชั้นสร้างด้วยหินแกรนิตสีเทา กับหินอ่อนสีชมพู ซึ่งได้รับการออกแบบโดยเฮนรี่ เออร์วิน  เสาสูงรองรับซุ้มโค้งเหนือ ซุ้มประตูกลางมีประติมากรรมของชายาลักษมี (Gajalakshmi) คือเทพีแห่งความมั่งคั่งความเจริญโชคดีและความอุดมสมบูรณ์

      กลางวัน         รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย            จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ฮัสสัน (Hassan) ( ระยะทาง 120 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง )  
      ค่ำ            รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นนำท่านเข้าพักที่โรงแรม  HOYSALA VILLAGE RESORT 4* หรือเทียบเท่า

  • Day 7
    วันที่เจ็ดของการเดินทาง ฮัสสัน ( Hassan) ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / เย็น )

    • เช้า           รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      นำท่านชมสิ่งมหัศจรรย์ของอินเดีย คือรูปปั้นหินของเทพเจ้าโกมาเทศวรา (Gomateswara) การชมรูปปั้นหินของเทพเจ้าโกมาเทศวราจะต้องขึ้นบันได 645 ขั้นตั้งอยู่ที่เมือง Sravanbelgola รูปปั้นนี้มีขนาดใหญ่ พระเจ้าโกมาเทศวรา คือเทพแห่งศาสนาเชน แกะสลักจากหินแกรนิตก้อนเดียว ยืนตระหง่านบนยอดเขาเหนือเมือง ศราวานาเบลาโกลา (Sravanabelagola) คือเมืองศูนย์กลางของศาสนาเชน นักแสวงบุญนับพันที่นับถือศาสนาเชนแห่กันไปดูสวยงามของรูปปั้นขนาดยักษ์ของเทพเจ้าโกมาเทศวรา รูปปั้นซึ่งตั้งแสดงโดดเดี่ยวเปลือยกายอย่างสมบูรณ์นี้มีความสูง 17 เมตร (55 ฟุต)  ความสูงใหญ่ทำให้สามารถมองเห็นได้จากระยะทาง 30 กม. ถือเป็นหนึ่งในรูปปั้นเสาหินที่
      ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกสร้างขึ้นโดยในปี ค.ศ. 983  มีการจัดเทศกาล Mahamastakabhishekam ซึ่งจะจัดขึ้นทุกๆ 12 ปี โดยมีการอาบน้ำนม น้ำผึ้ง น้ำหญ้าฝรั้นและเหรียญทอง ให้กับองค์โกมาเทศวรา

      กลางวัน         รับประทานอาหารกลางวัน

      บ่าย จากนั้นนำท่านชม  เทวาลัยจันนเกศวร (Chennakeshava) ตั้งอยู่ในเขตเบลูร์ (Belur) ซึ่งคือเมืองหลวงแห่งราชวงศ์ฮอยสาละ เทวาลัยนี้สร้างในในปี ค.ศ.1117  โดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮอยสาละ(Hoysala) เพื่อฉลองชัยชนะสงครามที่มีต่อกษัตริย์ราชวงศ์โจละ(Cholas) ด้วยช่างฝีมืออันสุดยอดและใช้เวลาก่อสร้างกว่าร้อยปีของความเพียรที่สร้างเทวาลัยจันนเกศวร  ซึ่งตกแต่งด้วยเรื่องราวจากคัมภีร์ ปุราณะ(Puranas), อุปนิษัท(Upanishads) และ มหากาพย์เรื่องรามายณะและมหาภารตะ   และ วัดเกดาเรสวรา (Kedareshwara) สร้างโดยกษัตริย์วิษณุวาดา ราชวงศ์ฮอยสาละ ในช่วงศต.ที่ 12 (ค.ศ. 1112) สร้างถวายแด่พระศิวะ บริเวณหน้าวัดเหล่านี้มีทะเลสาบขนาดใหญ่ เมืองที่ได้รับชื่อจากทะเลสาบสมุทรธารา ซึ่งหมายถึงทางเข้าจากมหาสมุทร  หน้าวัดแสดงรูปปั้นแกะสลักสองรูป ในยุคศตวรรษที่ 12  รายละเอียดของงานแกะสลักที่มีความหลากหลาย แสดงถึงเรื่องราวจากเทพนิยายฮินดู สัตว์ นก ตัวเลข วัดนี้กำลังถูกเสนอต่อองค์การยูเนสโก้เพื่อยกย่องให้เป็นมรดกโลกต่อไป

      ค่ำ            รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นนำท่านเข้าพักที่โรงแรม  HOYSALA VILLAGE RESORT 4* หรือเทียบเท่า

  • Day 8
    วันที่แปดของการเดินทาง ฮัสสัน (Hassan) – ฮอสเพท (Hospet) ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / เย็น )

    • เช้า          รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม                   
      นำท่านสู่เมืองฮอสเพท(Hospet) ระยะทาง 351 กิโลเมตร (ใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง)
      ระหว่างทางแวะชมวัดฮอยสาลา (Hoysaleshawara Temple) เป็นเทวาลัยพระศิวะสร้างโดยกษัตริย์วิษณุวรรธนะ เมืองหลวงของอาณาจักรฮอยสาลา จากนั้นนำท่านเดินทางขึ้นไปทางเหนือของแคว้นกรรณาฏกะ 
      บ่าย          รับประทานอาหารกลางวัน
      ถึงฮอสเพท นำท่านเข้าพักโรงแรม
      ค่ำ      รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นนำท่านเข้าพักที่โรงแรม ROYAL ORCHID CENTRAL KIREETI 4* หรือเทียบเท่า
  • Day 9
    วันที่เก้าของการเดินทาง ฮัมปิ (Hampi) – มรดกโลกนครฮัมปิ (Hampi) ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / เย็น )
    • เช้า              รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      นำท่านชมเมืองโบราณฮัมปิ (Humpi) หรือนครหลวงแห่งราชวงศ์วิชัยนคร หรือนครขีดขิน(Kishkindha) ของเหล่าวานรในมหากาพย์รามายณะ นครฮัมปิ เป็นเมืองสำคัญแห่งอาณาจักรวิชัยนครตั้งแต่ปี ค.ศ. 1336 – ค.ศ. 1565 ซึ่งมาสิ้นสุดในยุคสุลต่านเดคข่าน เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชัยภูมิที่ดี มีแม่น้ำ Tungabhadra ด้านหน้าและมีภูเขาโอบล้อมอยู่ด้านหลังสามด้าน  ในศตวรรษที่ 14 เมื่อนักบุญวิทยารายะ (Vidyaranya) ก่อตั้งอาณาจักรวิชัยนคร(Vijaynagar) สองสาวกของพระองค์  คือ หริหรา (Harihara) และบุคกา (Bukka) ได้ขยายอาณาเขตโดยมาสร้างเมืองใกล้ฝั่งแม่น้ำ Tungabhadra จนกระทั่งมีความเจริญมั่งคั่ง จนภายหลังนครฮัมปิ(Humpi) ได้กลายเป็นเมืองหลวงของวิชัยนคร  ในปี ค.ศ. 1509-1529 ภายใต้จักรพรรดิกฤษณะเทวราชา (Krishnadevaraya) ได้ขยายเมืองให้ครอบคลุม อาณาจักรของกรรณาฏกะ, อานธรประเทศมหานครนครฮัมปิ จึงประกอบไปด้วยพระราชวัง เทวาลัยอันงดงาม ป้อมปราการมโหฬาร และเป็นเมืองแห่งพ่อค้าเพชร ไข่มุข ผ้าไหม และผ้าทอเส้นเงินและทอง ศิลปะสถาปัตยกรรมของฮินดูที่เจริญรุ่งเรืองภายใต้การปกครองของราชวงศ์วิชัยนคร จนกระทั่งผู้บุกรุกชาวมุสลิม เข้ามามีชนะเหนือของกษัตริย์  Ramaraya ในปี ค.ศ.1565
         
      เที่ยง            รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย            ชมวิหารวิรุปักษา (Virupaksha) , วิหารวิทธรา (Vittala Vihara), โรงอาบน้ำราชินี, รูปแกะสลักของเทพวานร และงานสถาปัตยกรรมมากมาย  ความยิ่งใหญ่และความงดงามของสถานที่ที่ได้รับการอนุรักษ์ของรัฐบาลอินเดียทำให้นครฮัมปิได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก 

      ค่ำ      รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นนำท่านเข้าพักที่โรงแรม ROYAL ORCHID CENTRAL KIREETI 4* หรือเทียบเท่า

  • Day 10
    วันที่สิบของการเดินทาง ฮอสเพท (Hospet) - บาดามิ (BADAMI) ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / เย็น )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองบาดามิ ระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง   เมือง BADAMI เป็นเมืองเล็กๆ ที่ปกครองโดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์  Chalukyas  ในช่วงปี ค.ศ. 540 – 757 ตั้งทางตอนเหนือของรัฐกรณาฎกะ เมืองนี้มีจะมี "ทะเลสาบอคัสตยะ" อยู่ตรงกลาง และมีหุบเขารูปโค้งครึ่งวงกลมล้อมรอบ หุบเขานี้เคยเป็นราชธานีของราชวงศ์จารุกยา เมื่อประมาณพันกว่าปีมาแล้ว ภายในประกอบด้วยถ้ำและวัดต่างๆ 
      ก่อนถึงบาดามิ นำท่านชมกลุ่มวิหารแห่งไอโฮเล (Aihole) หรือชื่อเดิม อรยะปุระ (Arypura) ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงแรกของราชวงศ์จาลุกยา ซึ่งอดีตเคยสร้างวัดกว่า 125 วัด ในหลายรูปแบบ ระยะแรกของการสร้างวัด เริ่มในช่วงศตวรรษที่ 6 และระยะที่สองสร้างเพิ่มเติมในช่วงศตวรรษที่ 12 ชมวิหารลาดขัน (Lad Khan) เทวาลัยแห่งพระแม่ทรุคาที่สันนิษฐานว่าเป็นต้นกำเนิดของสถาปัตยกรรมหินแบบฮินดู  สร้างขึ้นประมาณศต.ที่ 5  ชมวิหารดูกา (Durga Temple)  ชมวิหารมีกุฏิ ( Meguti Temple) 

      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน

      จากนั้นชมปัตกาล (Pattadakal) เมืองหลวงแห่งที่สองของ ราชวงศ์จาลุกยา ห่างจากเมืองบาดามิ 22 กิโลเมตร ชมวิหารมัลลิกาจุนา (Mallikarjuna Temple) วัดนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7และ 8 วัดนี้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมอินเดียใต้เรื่องราวของมหากาพย์รามายณะ ชมวิหารปาฏาฏนะ (Papanatha Temple)  และวัดนี้ยังถูกเรียกว่า Red Town   ชมเมือง บาดาบิ (Badami) หรือชื่อเดิม วาตะปิ (Vatapi) ราชธานีแห่งอาณาจักรจาลุกยะตอนต้น ร่วมสมัยอาณาจักรปัลลวะทางตะวันออก ในจดหมายเหตุพระถังซำจั๋งบึนทึกไว้ว่าข้าราชบริภารในรัฐนี้ (รัฐกงกณปุระ) รับใช้ราชาด้วยความจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง 
      ชมสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุด คือเทวาลัยถ้ำ (Carved Temple) ที่เก่าแก่ที่สุด ถ้ำที่ 1 มีงานแกะสลักที่สวยงามของพระศิวะ ในปางท่ารำ  นอกจากนี้ยังมีภาพสลักของพระเจ้าในรูป อรรธนารีศวร  (Ardhanarishvara) ที่เป็นครึ่งหญิงครึ่งชายครึ่ง  ซึ่งหญิงแทนพระแม่อุมาเทวีหรือปารวตี Parvati  และมีการแกะสลักเป็นแบบหริหระ Harihara, ครึ่งขวาของรูปปั้นนี้คือ พระศิวะ-ผู้ทำลายเพื่อการสร้างใหม่ และซ้ายคือพระวิษณุ – ผู้รักษา ส่วน ถ้ำ 2 และ 3 สร้างถวายแด่พระวิษณุส่วนถ้ำ 4 เป็นถ้ำในศาสนาเชน ที่มีภาพของ ตีรถังกร (tirthankara) ศาสดาของศาสนาเชน Adinath  

      ค่ำ               รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นนำท่านเข้าพักที่โรงแรม  KRISHNA HERITAGE  (โรงแรมท้องถิ่น) หรือเทียบเท่า
  • Day 11
    วันที่สิบเอ็ดของการเดินทาง บาดามิ (BADAMI) – บังกะลอร์ (Bangalore) ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / เย็น )
    • เช้า              รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      นำท่านเดินทางสู่เมืองบังกะลอร์ ระยะทาง 450 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง  
      กลางวัน        รับประทานอาหารกลางวันระหว่างทาง
      ค่ำ              รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นนำท่านเข้าพักที่โรงแรม  JW MARRIOTT MG ROAD- 5* หรือเทียบเท่า
  • Day 12
    วันที่สิบสองของการเดินทาง บังกะลอร์ (Bangalore)มุมไบ – กรุงเทพฯ ( อาหารมื้อเช้า / กลางวัน / -- )
    • เช้า              รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม       

      เมืองบังกะลอร์  เมืองหลวงใหม่ของรัฐกรรณาฏกะ(Karnataka) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1957 เป็นเมืองใหญ่อันดับห้าของอินเดิย ด้วยประชากร 6 ล้านคน  บังกะลอร์อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 900 เมตร อากาศดี จึงจัดว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในอินเดีย 

      นำท่านสู่ Bull Temple นำท่านสักการาเพื่อเป็นศิริมงคลในเรื่องการขอพรทางด้านสุขภาพ  จากนั้นนำท่านชม พระราชวังบังกะลอร์ (The Bangalor Palace) พระราชวังแห่งถูกสร้างขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชวังวินด์เซอร์ในประเทศอังกฤษ โดยบาทหลวงกาเร็ท ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโรงแรมมัธยมบังกะลอร์  การก่อสร้างใช้เวลาถึง 82 ปี เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1862 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1944  ในปี ค.ศ. 1844 พระราชวังถูกซื้อโดยมหาราชาของไมซอร์ มีลักษณะ Tudor Style ตกแต่งภายในด้วยการแกะสลักอันวิจิตร พื้นที่ 45,000 ตารางฟุต อายุประมาณ 110 ปี  พระราชวังนี้มีพื้นที่45,000 ตารางฟุต (4,200 ตารางเมตร) วังและบริเวณโดยรอบกระจายอยู่บนพื้นที่  454 เอเคอร์ (183 เฮคแตร์)   ต่อมาอังกฤษซื้อวังนี้ในปี ค.ศ.1873 ในราคา 40,000 รูปี และได้รับการปรับปรุงใหม่ พระราชวังถูกสร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมสไตล์ทิวดอร์ (ยุคกลาง ประมาณศ.ต.ที่ 14- 16  ตัวอย่างสถาปัตยกรรมแบบทิวดอร์ ได้แก่วิทยาลัยคิงส์ King’s College สถาบันอเบอร์ดีน Aberdeen)  การตกแต่งภายในด้วยไม้แกะสลักสง่างาม, ลวดลายดอกไม้, และภาพวาดบนเพดาน เฟอร์นิเจอร์ซึ่งเป็นแบบนีโอคลาสสิก  ได้เวลาพอสมควร 

      กลางวัน         รับประทานอาหารกลางวัน 
      บ่าย นำท่านชม วังสุลต่าน ทิปู ( Tipu’s Sultan Fort & Palace )  ใช้เวลาในการก่อสร้าง 10 ปี ประกอบด้วยโครงไม้ 2 ชั้น สุลต่านใช้เป็นที่ปฏิบัติราชการ และเป็นอนุสรณ์การต่อสู้ ของ Tipu Sultan ต่อการปกครองของอังกฤษ ภายในมีประตูโค้งแกะสลักที่สวยงามในรูปแบบอิสลาม
      16.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินภายในประเทศ
      19.30 น. ออกเดินทางจากรัฐกัวสู่มุมไบ โดยสายการบินแอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ AI 610
      21.10 น. ถึงนครมุมไบ 
  • Day 13
    วันที่สิบสามของการเดินทาง กรุงเทพฯ
    • 00.25 น.            เหินฟ้ากลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินแอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ AI 330
      06.10 น.            เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความประทับใจ

Top